ปรากฏว่าสร้างกันขึ้นเมื่อรัชกาลที่ 3 กรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีคณาจารย์ทางดุริยางคศิลป คิดประดิษฐ์ฆ้องขึ้นอีกขนาดหนึ่งเหมือนกับฆ้องวงก่อน(15)ทุกอย่าง แต่ขนาดย่อมกว่าเล็กน้อย วัดจากขอบ วงด้านซ้ายมือถึงขอบวงในด้านขวา กว้างประมาณ 80 ซม. จากด้านหน้าไปด้านหลัง 60 ซม. เรือนฆ้องสูง 20 ซม. วงหนึ่งมีจำนวน 18 ลูก ลูกต้นวัดผ่านศูนย์กลางประมาณ 9.5 ซม. ใช้บรรเลงร่วมในวงปี่พาทย์ แต่นั้น มาปี่วงพาทย์ วงหนึ่งๆ จะใช้ฆ้อง 2 วง ก็ได้เรียกฆ้องวงใหญ่แต่เดิมว่า " ฆ้องวงใหญ่ " และฆ้องวงขนาดเล็ก ที่ประดิษญ์สร้างขึ้นใหม่นี้เรียกว่า"ฆ้องวงเล็ก" และฆ้องวงทั้ง 2 วงนี้ นอกจากจะใช้บรรเลง ร่วมในวงปี่ พาทย์แล้ว ต่อมาได้ย่อขนาดสร้างขึ้นให้ย่อมลงอีกและใช้บรรเลงในวงมโหรีด้วย |
สำหรับฆ้องวงเล็ก สร้างขึ้นเมื่อรัชกาลที่ 3 โดยมีลักษณะเหมือนฆ้องวงใหญ่ทุกอย่าง แต่มี ีขนาดย่อมกว่า และมีลูกฆ้องมากกว่า คือ 18 ลูก ใช้บรรเลงเก็บเช่นเดียวกับระนาดเอก |
1. การบรรเลงฆ้องวง ผู้เล่นต้องนั่งให้ตรงกลางฆ้องวง วิธีการนั่ง นั่งได้ทั้งพับเพียบหรือขัดสมาธิ การจับ ไม้ตีฆ้องวงผู้บรรเลงต้องรวบนิ้วกลางนิ้วนางและนิ้วก้อย กำไม้ฆ้องไว้กับฝ่ามือ ใช้นิ้วโป้ง และนิ้วชี้ เป็นตัวประคอง ให้นิ้วชี้ชิดกับหัวไม้ 2. การเก็บไม้ตีฆ้อง ควรมีถุงใส่ หรือวางรวมกันไว้บนลูกฆ้อง ไม่ควรวางกับพื้น 3. การทำความสะอาด ควรใช้ผ้าแห้งหรือผ้าหมาดๆทำความสะอาด 4. ควรวางฆ้องวงให้ราบกับพื้น ไม่ควรวางหรือตั้งพิงไว้ข้างฝาผนัง เพราะอาจทำให้ฆ้องวงล้มอาจหักได้ 5. การยกฆ้องวง ไม่ควรยกเพียงคนเดียวเนื่องจากเป็นเครื่องตีที่มีน้ำหนักมากและขนาดใหญ่ ควรจะยกฆ้อง ให้ตั้งฉาก หรือขนานกับพื้น ห้ามกับด้าน |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น